ถอดหนังสือแฮรรี่ พอตเตอร์ – เรื่องราวของพ่อมดน้อยแฮร์รี่และผองเพื่อน กับการต่อสู้ผจญภัยปราบเจ้าแห่งศาสตร์มืด เป็นหนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนชื่อก้องโลก ที่เด็กยุคสมัยนี้ควรได้อ่าน แต่ไม่ใช่กับนักเรียนในโรงเรียนคาธอลิก เซนต์เอ็ดเวิร์ด เมืองแนชวิลล์ สหรัฐอเมริกา
เรื่องราวอันว่าด้วยเสน่ห์มนต์ขลังของโลกเวทย์มนตร์และคำสาป
คาถานี่เองเป็นสาเหตุให้ Rev. Dan Reehil ศิษยาภิบาลของโรงเรียนเซนต์เอ็ดเวิร์ด ตัดสินใจถอดหนังสือชุด “แฮรรี่์ พอตเตอร์” ออกจากห้องสมุด “หนังสือเหล่านี้นำเสนอเวทย์มนตร์ทั้งดีและชั่วซึ่งไม่เป็นความจริง ความเป็นจริงมันคือการหลอกลวงอย่างชาญฉลาด
คำสาปและคาถาที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้เป็นคำสาปและคาถาที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะส่งผลให้ปีศาจและความชั่วร้ายสถิตอยู่แก่ผู้ที่อ่านมัน” Reehil กล่าว
Reehil กล่าวอีกว่า เขาปรึกษาหมอผีหลายคนในสหรัฐอเมริกาและโรม พวกเขาแนะนำให้นำหนังสือออกจากชั้น
Rebecca Hammel ผู้อำนวยการโรงเรียนสำหรับสังฆมณฑลคาทอลิกแห่งแนชวิลล์ กล่าวว่า “ศิษยาภิบาลแต่ละคนมีอำนาจตามกฎหมายในการตัดสินใจเช่นนี้กับโรงเรียนในเขตของเขา”
Rebecca คิดว่านังสือ Harry Potter จะยังคงอยู่บนชั้นวางในห้องสมุดโรงเรียนอื่น ๆ ในสังฆมณฑล สำหรับโรงเรียนเซนต์เอ็ดเวิร์ด หนังสือชุด Harry Potter จะวางอยู่บนชั้นจนถึงสิ้นปีการศึกษา 2561-2562
อย่างไรก็ดี ห้องสมุดซึ่งจะเปิดใหม่ปีการศึกษา 2019-2020 หนังสือ Harry Potter จะถูกลบออกจากรายชื่อหนังสือห้องสมุด
แพทย์ได้ให้ยาสเตียรอยด์ ซึ่งอาการของแมดดี้ก็ดีขึ้นและฟื้นจากภาวะโคม่าใน 3 วันต่อมา จนเริ่มหายใจได้เอง แม้ว่าจะยังต้องได้รับการให้ออกซิเจนในเวลากลางคืนก็ตาม
หลังฟื้นตัว แมดดี้ก็ได้นำประสบการณ์ของเธอมาแชร์ต่อ เพื่อหวังให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้คนจำนวนมาก ในยุคสมัยที่ผู้คนหันมานิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเธอระบุว่า อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่ามีสารบางอย่างที่น่ากลัวมาก ๆ อยู่ในบุหรี่ที่หน้าตาเหมือนปากกาเหล่านี้ มันไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อย และเกือบจะพรากเอาชีวิตของเธอไปแล้วด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน ในสหราชอาณาจักรนั้น พบว่าบุหรี่ไฟฟ้ายังคงถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้คนเลิกบุหรี่ แต่ก็เริ่มมีความกังวลถึงสารอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะนอกจากนิโคตินที่มีเหมือนในบุหรี่แล้ว บางผลิตภัณฑ์ยังมีการเติมแต่งกลิ่นและรสให้เลือกมากมาย เช่น วานิลลา ซินนามอน และเชอร์รี่ และมีผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่าง ๆ เริ่มออกมาเตือนถึงอันตรายที่แฝงอยู่ของบุหรี่ไฟฟ้านี้
สหรัฐฯและโปแลนด์ ทำข้อตกลงเพิ่มความเข้มงวด ตรวจสอบอุปกรณ์ 5G จากชาติอื่น
สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯโดยนาย Mike Pence และประธานาธิบดีปแลนด์ Andrzej Duda ได้มีการลงนามข้อตกลงเพื่อกระชับแนวทางด้านความปลอดภัยของเทคโนโลยี 5G และลงความเห็นว่าผู้ให้บริการอุปกรณ์ 5G จากต่างชาติจะต้องมีการตรวจสอบประเมินอย่างเคร่งครัด ซึ่งดูเหมือนจะเป็การเดินหมากในการกันจีนออกจาก 5G แต่ไม่ได้มีการอ้างชื่อของหัวเว่ยเป็นการเฉพาะแต่อย่างใด
โดยข้อตกลงดังกล่าวมีใจความหลักว่า “การปกป้องหรือการจัดการเน็ตเวิร์คการสื่อสารของเจนเนอเรชั่นต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพส่วนบุคคลของประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา โปแลนด์และประเทศอื่นๆจากการบ่อนทำลายนั้น มีความสำคัญอย่างมาก” ทั้งนี้คงต้องรอดูท่าทีของประเทศต่างๆว่าจะมีความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงนี้ไปในทิศทางไหน.
ย้อนหลับไปในเดือนมกราคม ได้มีการจับกุมพนักงานชาวจีนของหัวเว่ยและอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวโปแลนด์ในข้อหาสอดแนมข้อมูล แต่หัวเว่ยก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา และคดียังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน ขณะที่หัวเว่ยมีเวลาถึง 19 พฤษจิกายนนนี้เท่านั้นในการให้บริการผู้ที่ใช้งานหัวเว่ยอยู่ หลังจากสหรัฐฯยืดเวลาเพิ่มให้อีก 90 วัน เป็นครั้งที่ 2.
หลังจากถูกรัฐบาลสหรัฐฯจัดให้อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง เป็นภัยคุกคามความมั่นคงประเทศ Huawei ก็เริ่มมองหาแผนสำรองเพื่อรองรับในกรณีที่ถูกห้ามไม่ให้ใช้ Android ของ Google ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ถูกห้ามทำการค้ากับหัวเว่ย โดยหนึ่งในแผนสำรองคือ HarmonyOS ที่เพิ่งเผิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยังดูเหมือนว่า HarmonyOS จะยังไม่มีทีท่าว่าจะพร้อมลงอุปกรณ์ใดๆของหัวเว่ยในเร็วๆนี้
ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์มีรายงานว่า Huawei กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของรัสเซีย เพื่อใช้ Aurora OS ของรัสเซีย ในแท็ปเล็ตของหัวเว่ย โดยมีเป้าที่ 360,000 ในปี 2020. AuroraOS มีเจ้าของคือ Rostelecom บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของรัสเซีย
ล่าสุดชายวัย 66 ปี ถูกจับกุมในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัยสมรู้ร่วมคิดในการก่อเหตุดังกล่าว และถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ ขณะที่ยังไม่มีวี่แววของผู้ที่ก่อเหตุจริงและโถส้วมทองคำก็ยังคงหาไม่เจอ และเนื่องจากเป็นโถส้วมที่ใช้งานได้จริง และมีการปั้มน้ำเข้าไปจริงๆ การถูกถอดออกไปจึงทิ้งน้ำท่วมสร้างคามเสียหายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะมีกลิ่นด้วยหรือเปล่านะ
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง