ผอ. เขตสัมพันธวงศ์ เผย ความเสียหายไฟไหม้สำเพ็ง มูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

ผอ. เขตสัมพันธวงศ์ เผย ความเสียหายไฟไหม้สำเพ็ง มูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

ผอ. เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ได้เปิดเผยถึงผลการประเมิน ความเสียหายไฟไหม้สำเพ็ง โดยพบว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท รวมไปถึงผู้เสียชีวิต 2 ราย ความเสียหายไฟไหม้สำเพ็ง – วันที่ 27 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ พร้อมด้วย น.ส.โสภา เกียรตินิรชา ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน , เจ้าหน้าที่สำนักการโยธา กทม. , เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่สภาวิศวกร ร่วมตรวจสอบเหตุหม้อแปลงระเบิด เพลิงไหม้ลุกลามอคารพาณิชย์ บริษัท ราชวงศ์รุ่งเรือง จำกัด ค้าถุงพลาสติก ตั้งอยู่เลขที่ 157 ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิเขตสัมพันธวงศ์ กทม. ก่อนลุกลามไปยังอาคารข้างเคียงหลายคูหาทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและได้รับบาดเจ็บสำลักควันไฟอีกหลายราย เมื่อช่วงสายวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา

น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ 

เปิดเผยว่า ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีอาคารพาณิชย์ได้รับความเสียหาย 4 คูหา ซึ่งจากการประเมินมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ยอมรับว่า ยังไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้ มีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญ

ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปเร่งสำรวจสายไฟเก่า หม้อแปลงไฟฟ้าเก่า และช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบจุดที่มีความเสี่ยงก็ให้แจ้งมายังสำนักงานเขตได้ รวมถึงจะเชิญการไฟฟ้าฯ มาประชุมร่วมกันว่า เพื่อขอให้ไปตรวจสอบว่าในพื้นที่ มีหม้อแปลงไฟฟ้าที่เก่าเกินอายุการใช้งานเฉลี่ย คือ มากกว่า 20 ปี หรือไม่

เพราะจากข้อมูลของการไฟฟ้าฯ ระบุว่า หม้อแปลงที่มีอายุเกิน 20 ปี จะต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ และหากในพื้นที่ยังมี หม้อแปลงประเภทนี้อยู่ ก็จะประสานให้ดำเนินการดูแลเปลี่ยนใหม่ หรือซ่อมแซมให้สมบูรณ์ ดูแลให้รัดกุมมากขึ้นต่อไป

ส่วนหม้อแปลงบริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุ ตนไม่สามารถตอบได้ว่ามีอายุการใช้งานมากี่ปี แต่เท่าที่สังเกตด้วยสายตา เชื่อว่าน่าจะใช้งานมานานพอสมควร ซึ่งในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้ ทางเขตจะมีการอบรมอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จึงจะถือโอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเรื่องการดูแลสายไฟ และมาตรการป้องกันระวังภัยเกี่ยวกับสายไฟฟ้าด้วยอีกทางหนึ่ง

ด้าน น.ส.โสภา เกียรตินิรชา ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้ตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย มีการทำประกันสังคมไว้ รวมถึงรายที่เป็นแรงงานต่างด้าวด้วย ซึ่งในเบื้องต้นทั้งคู่ จะได้รับเงินชดเชยจำนวน 5 หมื่นบาทต่อราย และยังมีเงินทดแทนตามระยะเวลาการทำงาน ที่กระทรวงแรงงานจะจ่ายให้ 70% ของค่าแรง โดยต้องไปตรวจสอบระยะเวลาการทำงานของทั้ง 2 คนก่อน ส่วนยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากการที่มีการสรุปตั้งแต่เมื่อวานคือ 11 คน ตอนนี้กลับบ้านได้แล้ว 10 คน ยังเหลืออีก 1 คนที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

ขณะที่ นายเกียรติศักดิ์ แซ่แต้ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านพิชิตชัยค้าของเล่นเด็ก ซึ่ง อยู่ติดกับห้องต้นเพลิง และได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า โชคดีที่เมื่อวานนี้ทางร้านปิดให้บริการ ไม่เช่นนั้นตนและลูกจ้างอีก 5-6 คนไม่รู้จะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สินค้าและโครงสร้างอาคารร้านของตนได้รับความเสียหายทั้งหมด ประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ทั้งตนและเจ้าของร้านต้นเพลิง รวมถึงผู้เสียหายรายอื่นๆ จะดำเนินการแจ้งความฟ้องร้องกับการไฟฟ้าฯ เพื่อให้ร่วมรับผิดชอบความเสียหายแน่นอน

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า “เพราะที่ผ่านมา ทั้งสายไฟและหม้อแปลงมีปัญหาบ่อยครั้ง ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. เวลาประมาณ 19:00 น. หม้อแปลงไฟฟ้าลูกนี้ก็เพิ่งมีปัญหา มีเสียงคล้ายเกิดการช็อตจนชาวบ้านต้องแจ้งเจ้าหน้าที่มาดู แต่เจ้าหน้าที่ก็มาแก้ไขเพียงชั่วครู่แล้วกลับไป กระทั่งช่วงเช้าวันนี้หม้อแปลงก็มีปัญหาอีก ก่อนจะเกิดระเบิด มีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

DES เร่งดำเนินการ ‘ย้ายสายสื่อสารลงดิน’ ในอีก 39 เส้นทาง

DES ได้เปิดเผยถึงการเตรียมเร่งดำเนินการ ย้ายสายสื่อสารลงดิน ภายในเส้นทางทั้งหลัก และวิกฤติ อีกจำนวน 39 เส้นทาง เพื่อความปลอดภัย และทัศนยภาพ

ย้ายสายสื่อสารลงดิน – (27 มิ.ย. 2565) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ลงพื้นที่ถนนสุขุมวิท พร้อมด้วยคณะ ส.ส. จากพื้นที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหนคร ตรวจการจัดระเบียบสายสื่อสารของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และของผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่นๆ โดยมีนายสมจิตต์ ธีระชุติกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 2 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ

หลังจากนั้นคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจสภาพความเรียบร้อยสายสื่อสารในเขตกรุงเทพชั้นใน บริเวณถนนสุขุมวิท 36 หน้าอาคารชุดและแหล่งสัญจรหนาแน่นเพื่อช่วยปรับทัศนียภาพให้สวยงามมีความปลอดภัยต่อชีวิตทรัพย์สินของประชาชน โดยปี 2565 ตั้งเป้าหมายการดำเนินการในโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารบริเวณกรุงเทพฯชั้นในตามถนนสายหลัก โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่มีประชาชนสัญจรผ่านเป็นจำนวนมากก่อน และขยายสู่พื้นที่รอบนอกต่อไป

การจัดระเบียบสายสื่อสารโดย NT กฟน. ร่วมกับผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนบูรณาการจัดระเบียบสายสื่อสารในเส้นทางหลักและเส้นทางวิกฤตทั้งในกรุงเทพฯ จำนวน 39 เส้นทาง รวมระยะทางทั้งหมด 104.83 กิโลเมตร

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า